หลังจากที่เมื่อปี 2016 วงการภาพยนตร์เกาหลีใต้ ได้ประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ด้วยหนังซอมบี้ฟอร์มยักษ์อย่าง Train to Busan และตอกย้ำความอลังการ ด้าน CGI ใน Along With the Gods ไปจนถึงซีรีส์ระดับคุณภาพไม่ว่าจะเป็น Kingdom และ Vagabond ที่กลายเป็นกระแสให้คนดูไทย และทั่วโลกได้ประจักษ์ และสำหรับ Ashfall หนังภัยพิบัติจากเกาหลีที่เข้าฉายเมื่อปลายปี 2019 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นอีกหนึ่งงานี่เกาหลีได้ประกาศความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ที่บ่งบอกว่า หนังเกาหลี สามารถไปไกลเทียบเท่าฮอลีวูดได้แล้วจริง ๆ
เหตุการณ์ในหนังจะว่าด้วยการปะทุของ “ภูเขาไฟเพ็กทู” จนทำให้เกิดภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเกาหลีใต้ ไปจนถึงเกาหลีเหนือ โดยคนที่เข้ามาเสนอไอเดียในการหยุดยั้งภัยพิบัติครั้งนี้คือ “นักธรณีวิทยาอันดับหนึ่งของประเทศ” (มา ดงซอก) ที่ได้เสนอให้ทำการนำหัวระเบิดนิวเคลียร์ ไปวางไว้ที่ใต้เหมืองที่เกิดภูเขาไฟ ซึ่งในภารกิจนี้ก็นำทีมโดย “ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดชาวเกาหลีใต้” (ฮา จองอู) และ “เจ้าหน้าที่พิเศษชาวเกาหลีเหนือ” (อี บยองฮอน) ที่ต้องฝ่าฝันดินแดนเกาหลีเหนือ ที่เต็มไปด้วยทหารที่หมายเอาชีวิตพวกเขา
เรียกได้ว่าเป็นความบันเทิงจากเกาหลีครั้งใหม่ ที่จัดเต็มแบบไม่ยั้งตลอด 2 ชั่วโมงหน่อย ๆ ที่สามารถตรึงคนดูได้อยู่หมัดตั้งแต่นาทีแรกไปจนถึงนาทีสุดท้าย เพราะตลอดทั้งเรื่องหนังจัดเต็มไปด้วยฉากแอคชั่น ไล่ล่า และการพยายามโชว์งานโปรดักขั่นของเกาหลีที่ใหญ่โต อลังการ และสมจริงจนแทบจะเทียบเท่าฮอลีวูดแล้วก็ว่าได้ พร้อมทั้งการพยายามเซอร์วิสคอหนังเกาหลี ด้วยการรวมตัวท็อปของวงการ มาร่วมแสดงกันอย่างคับคั่ง ทำให้หนังเรื่องนี้เต็มอิ่มด้วยความบันเทิงที่สุดเรื่องหนึ่งก็ว่าได้
ในด้านการสร้างสรรค์ฉากวินาศสันตะโร ในฐานะหนังภัยพิบัติ หนังเรื่องนี้สามารถสอบผ่านอย่างไร้ข้อกังขา ถึงแม้ว่าหนังอาจไม่ได้พยายามขายฉากเมืองถล่ม เหมือนหนังแนวนี้ของฮอลีวูด แบบที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยในหนังของ โรแลนด์ เอเมอริช(The Day After Tomorrow ,2012) แต่งานโปรดักชั่น และบทของหนังเรื่องนี้ ก็ไซไฟ และสมจริงพอที่จะทำให้เราเชื่อว่าเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้นในเกาหลีจริง ๆ โดยเฉพาะฉากภูเขาไฟ ที่ทำออกมาได้ยิ่งใหญ่ ตระการตา และทำให้ไคล์แมกซ์ของเรื่อง ยิ่งใหญ่สมกับคำว่าฟอร์มยักษ์ของหนังอย่างปฏิเสธไม่ได้
อย่างที่กล่าวไปว่าแท้จริง หนังไม่ได้พยายามขายฉากภัยพิบัติอย่างที่ใบปิด และตัวอย่างพยายามขาย แต่หนังกลับมาในแนวแอคชั่นปฏิบัติการณ์ ที่นำเสนอภายใต้ความขัดแย้งระหว่างประเทศเกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้ เป็นส่วนใหญ่ ตลอดทั้งเรื่องเราจะได้เห็นฉากสงคราม แอคชั่นไล่ล่า ของทหารเกาหลีใต้ และเกาหลีเหนือ สุดตื่นเต้น หนังถ่ายทอดบรรยากาศการรบ การเอาชีวิตรอด ของกลุ่มทหาร ราวกับดูหนังสงครามของฮอลีวูด ไม่ว่าจะเป็นฉากระเบิดที่ตระการตา จังหวะการบู๊ที่ทำออกมาได้เท่จับใจ โดยเฉพาะการจับคู่ระหว่าง ฮา จองอู และอี บยองฮอน ที่สามารถแบกหนังทั้งไว้ได้อย่างน่าชื่นชม
นอกจากนี้ด้วยความที่เป็นหนังเกาหลี บล็อคบัสเตอร์ Ashfall เลยไม่ได้มีเพียงฉากแอคชั่น ฉากตึกถล่มให้ลุ้นระทึกเท่านั้น แต่หนังยังมีฉากปล่อยมุกฮา ๆ ให้ได้คลายเครียดกันเป็นระยะ ๆ ซึ่งแน่นอนว่าสองนักแสดงที่รับส่งมุกกันได้อย่างดีตลอดทั้งเรื่องคงไม่พ้น ฮา จองอู และอี บยองฮอน ที่คนหนึ่งทั้งซื่อ เซ่อ แต่กล้าหาญ ส่วนอีกคน เต็มไปด้วยความฉลาดแกมโกง เมื่อเคมีต้องค่อนข้างแตกต่างกันของสองตัวละคร แต่ต้องทำภารกิจด้วยกัน ทำให้หนังความเป็นคู่หู คู่ฮาในหนังเรื่องนี้ได้กลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่โดดเด่นในหนังไปโดยปริยาย แต่สิ่งที่น่าจะเป็นทีเด็ดไม่แพ้มุกตลกในหนัง คือการพยายามแซะอเมริกาของเกาหลี ที่ในเรื่องนี้ทำออกมาได้เจ็บแสบ สะใจคนเอเชียไม่น้อย
หนังอาจมีข้อด้อยอยู่บ้าง โดยเฉพาะในด้านของบทหนัง ที่พยายามขายความเป็นหนังแอคชั่นมากกว่าความเป็นหนังภัยพิบัติ ทำให้เราไม่รู้สึกลุ้นระทึกกับพาร์ทแผ่นดินไหวในเมืองเท่าที่ควร หากเทียบกับฉากการเอาชีวิตรอดของฝ่ายทหาร นอกจากนี้ความที่หนังพยายามขายสองตัวละครเอกอย่าง ฮา จองอู และอี บยองฮอน จนเกินไป จนทำให้ดาราคนอื่น ๆ ในหนังบทดูดร็อปลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็น มา ดงซ็อก หรือแบ ซูจี ที่ดูเหมือนว่าหนังจะใช้งานพวกเขาไม่คุ้มค่าเท่าที่ควร
นอกจาหนี้หลาย ๆ ฉากของหนัง ก็พยายามฉวยโอกาสในการเล่นใหญ่อย่างเห็นได้ชัด ด้วยการพยายามยัดเยียดมหกรรมความซวย และความโชคร้ายใส่ตัวละครแบบไม่ปราณี ซึ่งเป็นวิธีการแบบเดียวกับที่ซีรีส์ Vagabond ที่พยายามสร้างความบันเทิง จากการเล่นกับความซวยของตัวละครตลอดทั้งเรื่อง จนทำให้หนังขาดความสมเหตุสมผลในหลาย ๆ จุดไปด้วยเช่นกัน
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า Ashfall เป็นหนังฟอร์มยักษ์ประเดิมต้นปี 2020 อย่างแท้จริง หนังจัดเต็มด้วยความบันเทิง ความตื่นเต้น ตระการตา ที่ชวนให้เราทึ่งในศักยภาพของเกาหลีอีกครั้ง เหมือนเมื่อครั้งปรากฏการณ์ของ Train to Busan หรือ Along With the Gods
ขอขอบคุณคลิปวีดีโอจาก : https://www.youtube.com/
